หนังสือแบบไหนที่เหมาะกับการเริ่มต้นการอ่าน

ในยุคที่มือถือมีบทบาทกับชีวิตเยอะกว่าสิ่งอื่น ไม่ว่าจะทำอะไรเราก็จะทำผ่านมือถือเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อเวลาที่เราว่างเราก็จะสนใจแต่มือถือของเรา จนเราเริ่มจะเป็นโรคเกี่ยวกับต้นคอกันเพราะต้องก้มดูมือถือกันตลอดทั้งวัน เมื่อก่อนโรคเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นกับคนที่ชอบการอ่านหนังสือเป็นหลัก แต่โรคนี้ก็ไม่แพร่หลายเท่าไหร่เพราะเวลาในการอ่านหนังสือนั้นมีเวลาที่จำกัดไม่ได้อ่านกันตลอดทั้งวัน แต่กับยุคนี้มันเปลี่ยนไปแล้วเพราะมือถือเราดูกันเกินกว่าวันละ 25 ชั่วโมงกันเลย เรียกว่าตอนนอนเราก็ยังฝันไปถึงการเล่นมือถือด้วย
แล้วจะทำอย่างไรให้การเล่นมือถือน้อยลงหันมาทำกิจกรรมอย่างอื่นกันให้เพิ่มขึ้น อย่างการไปออกกำลังกายมีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีกระแสวิ่งออกมาอย่างแพร่หลาย จนทำให้เป็นกระแสต่อเนื่องกันจนมาถึงทุกวันนี้ ตอบขอบคุณพี่ตูนbodyslam ที่ช่วยให้คนไทยและคนทั้งโลกส่วนใหญ่ได้หันมาใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่จะทำให้เวลาว่างมีประโยชน์อย่างมากมาย อย่างเช่นการอ่านหนังสือต่างประเทศเขานิยมการอ่านหนังสือเป็นอย่างมาก เช่นประเทศญี่ปุ่นที่รักการอ่านเป็นที่สุด ถ้าใครที่เคยได้ไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นเขาจะนิยมการเขียนมือและการอ่านมากกว่าการใช้ประกาศจากสิ่งพิมพ์ต่างๆ ถือว่าเป็นเสน่ห์ที่หาได้ยากแล้วในโลกใบนี้ แถมด้วยชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็จะรักการอ่านมากกว่าการใช้มือถือเสียอีกด้วย ที่ประเทศญี่ปุ่นจะสอนให้เด็กทุกคนรักการอ่านด้วยเหตุผลนับแสนนับล้านความคิดของการอ่านทำให้ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีแนวคิดที่แตกต่างจากคนทั่วไป การพัฒนาประเทศหรือการพัฒนาบุคคลจัดว่าติดอันดับต้นๆ ของโลกเป็นอย่างมาก
ซึ่งนั้นก็หมายความว่าการอ่านนั้นให้ประโยชน์กับตัวผู้อ่านได้ดีที่สุด เมื่อเรารู้ว่าการอ่านดีก็ควรต้องส่งเสริมการอ่านให้มากยิ่งขึ้นแล้วจะทำอย่างไรให้คนหันมารักการอ่านมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นหรือวัยทำงานแล้ว
สำหรับการจะเชิญคนที่เคยรักการอ่านกลับมาอ่านหนังสืออย่างมีความสุขอีกสักครั้งก็ไม่ได้ยากเกินกว่าจะทำ เพียงแค่เราทำตาม 5 อย่างนี้ คนที่สนใจในการอ่านอยู่แล้วก็จะกลับมารักการอ่านเหมือนเดิม
1.บอกถึงข้อดีของการอ่านให้มากกว่าการใช้โทรศัพท์
โทรศัพท์มือถือในยุคใหม่นี้จัดว่าใช้ประโยชน์ได้มากมายหลากหลายเป็นอย่างมาก แต่ถ้าจะว่าไปประโยชน์สำหรับการใช้มือถือสำหรับหลายๆ คนก็ไม่ได้ใช้งานอย่างถูกต้องแต่กลับกลายเป็นการใช้งานเพื่อสนใจในเรื่องที่ไม่เกิดประโยชน์กับเรา อย่างการเล่นเฟสบุ๊คที่ไว้ส่องเพื่อน หรือการเล่นไลน์พูดคุยเรื่องที่ไม่ได้ประโยชน์ นิทาว่าร้ายกันเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเอาเวลาเหล่านี้มาหาหนังสือการพัฒนาตน เส้นทางสู่ความสำเร็จ หรือหนังสือที่ต่อยอดให้ชีวิตมีความสุขและความสมบูรณ์แบบได้คงจะดีกว่า เลือกหนังสือที่ชอบสักเล่มหรือเลือกหนังสือที่น่าสนใจสักเล่มแล้วค่อยๆ อ่านทำความเข้าใจดูก็จะรู้วาชีวิตเราเปลี่ยนไปแบบไม่รู้ตัว
2.อ่านหนังสือเล่มเก่าที่เคยอ่าน
หนังสือเล่มเก่าที่เคยอ่าน ส่วนใหญ่เรายังพอจำได้ดีว่าหนังสือที่เราเคยได้อ่านนั้นจะมีแนวเป็นแบบไหน และหนังสือเหล่านี้ยังคงอยู่ในความทรงจำเราเสมอ ไม่ว่าจะกลับมาอ่านอีกกี่ครั้งก็ยังคงความสนุกได้ทุกเมื่อ แล้วค่อยต่อยอดไปสู่หนังสือที่ให้ความรู้ในสิ่งที่เราสนใจเพิ่มขึ้น
3.อย่าคิดว่าหนังสือเก่าแล้วได้พิมพ์มาหลายปีแล้ว
ความเก่าของหนังสือเป็นเพียงแค่รูปร่างหน้าตาของตัวหนังสือเท่านั้น แต่ความจริงตัวหนังสือด้านในยังใหม่อยู่เสมอกระดาษอาจจะเก่าและตัวหนังสืออาจจะจางไปบ้างแต่ต้องเชื่อได้ว่าเมื่อไหร่ที่เรายังไม่เคยได้อ่าน ข้อความเหล่านั้นก็จะใหม่สดสำหรับเราอยู่เสมอ ยิ่งเป็นการสอนเรื่องการใช้ชีวิตการลงทุน ก็ยิ่งจำเป็นต้องศึกษาอยู่ตลอดเวลา เพราะเรื่องราวเหล่านี้ไม่มีคำว่าเก่า ยิ่งรู้มากก็ยิ่งทำให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น รู้ว่าทางไหนถูกทางไหนไม่ควรไป หนังสือเล่มเดียวนำพาสู่ความสำเร็จได้ไม่ยากเลย
4.เปิดเส้นทางใหม่ให้กับชีวิต
หลายครั้งที่เรามีความฝันแต่ก็ไม่กล้าที่จะทำเพราะคำว่ากลัว ไม่กล้า แต่เมื่อเราได้อ่านหนังสือสักเล่มที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของคนที่ไม่กล้าแต่บ้าที่จะทำตามฝัน แล้วก็ประสบความสำเร็จในฝันที่ตัวเองได้วาดไว้ ถ้าเราได้อ่านหนังสือแบบนี้สักครั้งก็จะมีไฟเกิดขึ้นในหัวใจแล้วก็จะเริ่มทำตามฝันที่ต้องการ ควบคู่กับงานที่ทำให้ชีวิตอยู่ได้ในความเป็นจริง
5.เลือกฟังเพลงที่เป็นแรงกระตุ้นที่เกี่ยวข้องกับหนังสือ
เมื่อเราได้เลือกอ่านหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจก็ลองหาเพลงที่ปลุกพลังในตัวเราออกมา หลังจากที่ได้อ่านหนังสือแล้ว ตัวหนังสือกำลังไหลเต็มสมอง ต้องหาเพลงที่เข้ากันมาฟังสัก 1-2 เพลง เพียงแค่นี้การอ่านหนังสือก็จะมีความสุขมากยิ่งขึ้น
หนังสือคือความสุขที่รอคุณอยู่มันไม่เคยที่จะทำร้ายคุณ เพียงแค่คุณเปิดอ่านมัน มันก็พร้อมจะมอบความสุขให้กับคุณได้ตลอดเวลา